the nun เรื่องย่อ เรื่องที่ 5 ในจักรวาล the conjuring หลังจากดึงตุ๊กตาผีแอนนาเบลล์ มาเป็นภาคแยกไป 2 เรื่อง ก็ถึงคราวของ ผีแม่ชี ที่ไปสร้างความน่ากลัวจนเป็นที่จดจำใน The Conjuring 2 (2016) ผีแม่ชี ก็เลยได้เป็นผีตัวที่ 2 ที่ได้มีเรื่องราวภาคแยก ที่พาผู้ชมย้อนอดีตไปดูความเป็นมาของผีแม่ชีตัวนี้ และตัวต่อไปที่จะมีเรื่องราวภาคแยกของตัวเองก็คือ The Crooked Man ผีชุดแดงถือร่มที่โผล่มา 2 ฉากใน The Conjuring 2 เช่นกัน แม้ว่า เจมส์ วาน ผู้ให้กำเนิดจักรวาล The Conjuring ไม่ได้มากำกับ แต่ก็ยังเป็นคนเขียนเรื่องร่วมกับ แกรี่ เดาเบอร์แมน ที่เพิ่งมีผลงานสุดฮิตอย่าง “IT” และเจมส์ ก็ยังนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการสร้าง และมาช่วยในขั้นตอนถ่ายทำซ่อมด้วย
the nun เรื่องย่อ
the nun เรื่องย่อ เป็นเรื่องราวของผีแม่ชี ที่เป็นร่างจำแลงของปีศาจจากนรกตนหนึ่งที่ชื่อ วาลัค โดยเล่าย้อนไปในอดีตก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ใน เดอะคอนเจอริ่ง 2 ที่ทำให้เราได้รู้จักกับผีตนนี้ ซึ่งในเรื่องนี้จะเล่าเหตุการณ์ที่ นักบวช และ แม่ชี ที่ได้รับคำสั่งจาก วาติกัน เพื่อให้เข้าไปตรวจสอบเหตุการณ์ฆ่าตัวตายปริศนาของโบสถ์เก่าแก่แห่งหนึ่งในที่ห่างไกล ณ ประเทศโรมาเนีย โดยเมื่อไปถึงกลับยิ่งพบกับเหตุการณ์ประหลาดมากขึ้นเรื่อยๆ จนได้เผชิญหน้ากับผีแม่ชี เรื่องราวของความน่ากลัวจึงได้เริ่มขึ้น
เรื่องราวของ The Nun พาเราย้อนไปในปี 1952 ในทรานซิลวาเนีย ,โรมาเนีย ที่วิหารโบราณในป่าลึก มีแม่ชีสาวแขวนคอตาย ซึ่งเป็นเรื่องผิดบาปมากในคริสตจักร เรื่องราวรู้ไปถึงสำนักวาติกัน จึงส่งบาทหลวงเบิร์ค พระนักสืบไปลงพื้นที่เพื่อหาเบาะแสการตายของแม่ชี พร้อมกับ ซิสเตอร์ไอรีน แม่ชีฝึกหัดให้ไปเป็นผู้ติดตามและคอยช่วยเหลือ ทั้งคู่ยังได้แฟรนชี่ หนุ่มผู้ชำนาญพื้นที่ไปคอยส่งและรับนักบวชทั้งสอง แต่ก็ต้องตกกระไดพลอยโจนอยู่เผชิญความน่ากลัวในวิหารร้างนั้นไปด้วย ทั้ง 3 ยิ่งตามสืบก็ยิ่งเจอเรื่องราวขนหัวลุกมากมาย ก่อนที่จะได้เผชิญหน้ากับ “วาลัก” ที่ปรากฏกายในร่างผีแม่ชี ผู้อยู่เบื้องหลังการฆ่าตัวตายของแม่ชีสาว และทั้ง 3 ก็ต้องร่วมมือกันยับยั้งแผนการร้ายของมัน
บทหนังฝีมือของ แกรี่ เดาเบอร์แมน ทำได้ดีในเรื่องการเพิ่มเติมความลึกลับซับซ้อนเข้าไปในเรื่องราวสยองขวัญ ช่วยเสริมให้ The Nun ดูมีความแตกต่างจากหนังในครอบครัว The Conjuring ที่ไม่ได้ขายความสยองกันอย่างเดียว แต่มีการคลี่คลายปริศนาการฆ่าตัวตาย สืบหาจุดประสงค์ของวาลักที่มุ่งโจมตีเหล่าแม่ชีในวิหารแห่งนี้ และถอดปริศนาหาอาวุธมากำราบผีแม่ชี แต่ถึงแม้จะมีเรื่องราวการผจญภัยและปริศนามาสอดแทรก แต่เรื่องความสยองก็ไม่ได้น้อยลงไป 90 นาทีของหนังอัดความสยองมาแบบเต็ม ๆ เพราะหนังไม่ได้มีแค่ผีแม่ชีตามชื่อเรื่องเท่านั้น ยังมีผีเด็ก ผีแม่ชีสาว ที่สยดสยองไม่แพ้กัน แล้วก็ออกมาถี่ ๆ เสียด้วย เป็นหนังผีที่ผีดุ ผีออกถี่ แทบไม่ให้ได้พักหายใจ
ส่วนที่มีผลต่อความสยองของ The Nun อย่างมากคือการเลือกโลเคชั่น ที่ยกกองถ่ายกันไปถึงโรมาเนียจริง ๆ แล้วที่่น่าชื่นชมมากคือการไปเสาะหาเจอวิหารร้างแห่งนี้ แค่เห็นภายนอกก็ดูน่ากลัวแล้ว และเป็นวิหารที่ดูน่ากลัวจริง กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เพิ่มความน่ากลัวให้กับ The Nun ด้วยความเก่า และทางเดินมืด ๆ หลายซอกหลายหลืบ มีที่ให้ผีแอบเต็มไปหมด ผีใน The Nun เลือกจะมาในสไตล์ผีซ่อนแอบมากกว่าผีตุ้งแช่ ซึ่งฉากตุ้งแช่ก็มีแต่ไม่เน้น แต่มักจะมาแบบโผล่ตรงนั้น ตรงนี้ แต่พอหันก็หายไป เล่นกับฉากให้ลุ้นกลัวตกใจเสียมากกว่า แต่งานเมคอัปผสมกับงานซีจี ก็สร้างสรรค์ภาพลักษณ์ของผีแต่ละตัวออกมาได้น่ากลัวดี
ตัวละครหลักในหนังมีแค่ 3 คน คือบาทหลวงเบิร์ค , ซิสเตอร์ไอรีน และ แฟรนชี่ ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นพระเอกของเรื่องและเป็นตัวชงมุกให้หนังช่วยผ่อนคลายได้มาก ทั้ง 3 ทำหน้าที่เป็นตัวละครหลักและเหยื่อในคราเดียวกัน เพราะครึ่งหลังทั้ง 3 แยกย้ายกัน แต่ก็โดนผีหลอกด้วยกันทั้งหมด ก็เลยได้ดูฉากผีหลอกทั้ง 3 คนสลับกันไปมา และทั้ง 3 ก็ยังเดินตามสูตรบังคับของหนังสยองขวัญคือการขาดต่อมความกลัว ยิ่งเห็นไรแวบ ๆ ได้ยินเสียงแปลก ๆ ในยามค่ำคืน แต่กลับต้องเดินเข้าไปหาแล้วก็เจอดี หัวใจหลักของเรื่องอีกคนก็คือ บอนนี่ แอร์รอน เจ้าของบท “ผีแม่ชี” คนเดิมตั้งแต่ The Conjuring 2 เป็นนักแสดงที่หน้าตาน่ากลัวอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เหมาะมากกับบทนี้ ทีมงานเมคอัปก็น่าจะชอบเพราะไม่ต้องเสริมเติมแต่งอะไรมากก็น่ากลัวเลย
The Nun ยังคงเป็นหนังสยองขวัญที่รักษามาตรฐานของจักรวาล The Conjuring ไว้ได้ คอหนังสยองขวัญดูได้ไม่ผิดหวัง ถึงไม่เคยดูหนังในจักรวาล The Conjuring มาเลยสักเรื่อง ก็สามารถดูได้รู้เรื่อง แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอยู่ในระดับต้น ๆ ของหนังจากจักรวาลนี้ ถึงแม้ผีจะออกถี่ ฉากลุ้นสะดุ้งจะมีมาก แต่ก็ไม่ได้มีฉากที่น่ากลัวถึงขั้นน่าจดจำพอให้หยิบมาพูดถึงหลังออกจากโรง และไม่ได้น่ากลัวเทียบเท่าการปรากฏตัวครั้งแรกของผีแม่ชีเองใน The Conjuring 2 อีกจุดที่น่าชื่นชมก็คือฝีมือเขียนบทของแกรี่ เดาเบอร์แมน สามารถเชื่อมฉากจบของ The Nun มาต่อเนื่องกับ The Conjuring 1 ได้อย่างลงตัว แล้วจบแบบปลายเปิดให้สานต่อวีรกรรมสยองของผีแม่ชีได้ต่อไป
คำวิจารณ์
ต้องบอกก่อนเลยว่าส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบหนังผีอยู่พอสมควร ซึ่ง คอนเจอริ่งภาค 1 และ 2 นั้นสำหรับผมถือว่าว่าเป็นหนังผีที่ดี มีความสนุก มีความน่ากลัวทำให้ผมอินไปกับคความหลอนของทั้ง 2 ภาคได้ดีเลยทีเดียว จึงทำให้ผมค่อนข้างคาดหวังกับหนังเรื่อง เดอะนัน สูงพอสมควร
ในเรื่อง เดอะนัน ช่วงเล่าเรื่องเท้าความในช่วงแรกที่เป็นการเล่าเรื่องโยงที่มาก่อนที่จะเข้าสู่การปะทะกันของตัวละครหลักกับผีแม่ชีใน 30 นาทีแรก(โดยประมาณ)ค่อนข้างแอบชวนง่วงไปสักเล็กเพราะมีแค่ฉากหน้ากลัวมาแทรกแบบปะปลาย แต่พอเริ่มเข้ากลางเรื่องความหน้ากลัวก็เริ่มใส่เข้ามาให้เราได้สัมผัสแบบต่อเนื่อง ซึ่งโดยรวมสำหรับผม มุกผีตลกต่างๆ ในเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ผมกลัวเท่าที่ไหร่ มีสะดุ้งในบางฉาก เท่านั้น แต่ตอนจบของเรื่องจะมีการโยงเรื่องราวเข้าสู่หนังเรื่อง คอนเจอริ่งด้วย ซึ่งบอกเลยว่าอันนี้จะต้องทำให้หลายๆ คนตื่นเต้นกับการเชื่อมโยงนี้อย่างแน่นอน
เรื่องฉากต่างๆ ในหนังเรื่องนี้ผมค่อนข้างชอบนะ สร้างบรรยากาศย้อนยุค ผสมกับความหลอนออกมาได้ดูดี เรียกว่า สวยในแบบหนังผีก็แล้วกัน อีกเรื่องหนึ่งที่ชอบเช่นกันคือเรื่องของเสียง ต้องบอกเลยว่าแทบทุกเรื่องในตระกูลคอนเจอริ่งค่อนข้างใส่ใจกับระบบเสียงรอบทิศทางเป็นอย่างมาก เพราะ มีกรเล่นทิศทางของเสียงค่อนข้างละเอียด เวลาผีมาด้านหลัง ด้านข้าง ด้านหน้า เชื่อมโยงทิศทางเสียงกันไปมาได้ดีเรียกได้ว่าสร้างเสริมอารมณ์ในการรับชมได้ดีมาก
จุดเด่น
- โลเคชั่นเยี่ยมยอด วิหารร้างชวนขนลุกมาก
- สอดแทรกเรื่องราวปริศนา สืบสวน มีอะไรมากกว่าผีหลอก
- ผีออกถี่ สะใจคอหนังสยองขวัญ
- ไม่เน้นขายฉากตุ้งแช่
- เชื่อมต่อจักรวาล conjuring ได้ลงตัว
จุดสังเกต
- ยังไม่มีฉากที่น่ากลัวจนน่าจดจำ the nun เรื่องย่อ